วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำผึ้งขม

บทประพันธ์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละคร
น้ำผึ้งขม

                         น้ำผึ้งขม และ ระฆังวงเดือน บทประพันธ์โดย กฤษณา อโศกสิน ตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสตรีสาร ระหว่างปี พ.ศ. 2505 – พ.ศ. 2508 รวมเล่มครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522เรื่องราวของกังสดาล สาวน้อยวัยยี่สิบปี เหยื่อความแค้นของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่กับมารดาของเธอ ก่อนที่ความรักจะหลอมละลายให้กลายเป็นความเห็นใจกันในที่สุดเริ่มแรกบทประพันธ์ได้ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ไทย กำกับการแสดงโดย ภาณุพันธุ์ ฉายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2517  นำแสดงโดย สอาด เปี่ยมพงษ์สานต์, นฤมล นิลวรรณ, สุทิศา พัฒนุช, ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์, อมรา อัศวนนท์, คธา อภัยวงศ์ และยังเป็น ละครโทรทัศน์ อีกหลายครั้ง ล่าสุดในปี พ.ศ. 2552อมรา อัศวนนท์ รับบทโรส ซ้ำถึง 5 ครั้ง ในเวอร์ชันละครช่อง 4, ช่อง 9, ช่อง 5 เช่นเดียวกับ สุพรรณ บูรณพิมพ์ ที่รับบทจวงจันทร์ ถึง 3 ครั้งคู่กัน และบทที่ไม่ได้คู่กันในเวอร์ชันภาพยนตร์และละครช่อง 7

น้ำผึ้งขมถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ภายใต้ชื่อ น้ำผึ้งขม มาแล้ว 6 ครั้ง มีรายละเอียดดังนี้
 

พ.ศ. 2511
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง ช่อง 4 บางขุนพรหม สร้างโดยคณะสุภาพสตรี มีนักแสดงนำดังนี้
สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ รับบท ปุริม
กนกวรรณ ด่านอุดม รับบท กังสดาล
อมรา อัศวนนท์ รับบท โรส
สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบท จวงจันทร์
อรวรรณ โปร่งมณี รับบท แสงดาว
เพลงประกอบละครคือ ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า คำร้องโดย กวี สัตโกวิท ทำนองโดย ประสิทธิ์ พยอมยงค์
 

พ.ศ. 2520 - 2523
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 สร้างโดยคณะศรีไทยการละคร มีนักแสดงนำดังนี้
1.สมภพ เบญจาธิกุล รับบท ปุริม
2.สีตลา เรืองศิริ รับบท กังสดาล
3.อมรา อัศวนนท์ รับบท โรส
4.สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบท จวงจันทร์
5.สุคนธ์ทิพย์ เสนะวงศ์ รับบท แสงดาว
พ.ศ. 2523
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สร้างโดยคณะรัศมีดาวการละคร โดย กนกวรรณ ด่านอุดม มีนักแสดงนำดังนี้
1.นาท ภูวนัย รับบท ปุริม
2.หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์ รับบท กังสดาล
3.อมรา อัศวนนท์ รับบท โรส
4.สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบท จวงจันทร์
5.สุมาลี ชาญภูมิดล รับบท แสงดาว 
 
พ.ศ. 2529
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สร้างโดยดาราวิดีโอ มีนักแสดงนำดังนี้
1.นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบท ปุริม
2.มนฤดี ยมาภัย รับบท กังสดาล
3.อมรา อัศวนนท์ รับบท โรส
4.ฉันทนา กิตติยพันธ์ รับบท จวงจันทร์
5.นัดดา วิยะกาญจน์ รับบท แสงดาว
ร่วมด้วย สุรเดช วิริยะ, เอกลักษณ์ ยลระบิล, ธำรง วิจิตรสาร, สมฤดี นุ่มอำพันธ์, อำภา ภูษิต, ศิรินภา สว่างล้ำ, เมตตา รุ่งรัตน์, เฉลา ประสพศาสตร์, วิทยา สุขดำรงค์, สมเกียรติ พัฒนทรัพย์, มาลี เวชประเสริฐ, ดวงหทัย ดารา

พ.ศ. 2543
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สร้างโดยทีวีซีน มีนักแสดงนำดังนี้
1.ยุรนันท์ ภมรมนตรี รับบท ปุริม
2.รามาวดี สิริสุขะ รับบท กังสดาล
3.จารุณี สุขสวัสดิ์ รับบท โรส
4.อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท จวงจันทร์
5.อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ รับบท แสงดาว
ร่วมด้วย นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล, อรรถชัย อนันตเมฆ, อรัญญา นามวงศ์, เสาวรส ศรีชาติ, เวย์น ฟอลโคนเนอร์, สินีนาฎ โพธิเวส, จันทนา ศิริผล, กล้วย เชิญยิ้ม, กนกวรรณ บุรานนท์, เสาวลักษณ์ ศรีอรัญญ์

พ.ศ. 2552
ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สร้างโดยเมคเกอร์ วาย มีนักแสดงนำดังนี้
1.ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท ปุริม
2.เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ รับบท กังสดาล
3.จริยา แอนโฟเน่ รับบท โรส
4.สาวิตรี สามิภักดิ์ รับบท จวงจันทร์
5.สินิทรา บุญยศักดิ์ รับบท แสงดาว
ร่วมด้วย พศุตม์ บานแย้ม, นิธิ สมุทรโคจร, สินิทรา บุญยศักดิ์, สุรพันธ์ ชาวปากน้ำ, โฉมฉาย ฉัตรวิไล, ปาจรีย์ ณ นคร, ดารณีนุช โพธิปิติ

ควมคิดเห็นเกี่ยวกับการที่นำบทประพันธ์เรื่องนี้มาทำเป็นละครซ้ำๆ
ละครในแต่ละยุคสมัยมีความเรื่องราวแตกต่างกันไม่มีแค่เปลี่ยนตัวละครแล้วเพื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปทำให้ละครที่ผลิตออกมาใหม่น่าดูกว่าเดิม ซึ่งในแต่ละยุคก็จะมีนักแสดงนำที่มีผู้คนชื่นชอบแตกต่างกัน
 
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A1

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

นักนิเทศศาสตร์ยุคดิจิตัล


          การดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมในปัจจุบันได้รับอิทธิพลอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีมีความทันสมัยจึง รวดเร็ว ประหยัดเวลา ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปรับสื่อสมัยใหม่มากขั้นทิ้งสื่อดั้งเดิมไว้เป็นทางเลือก โดยเฉพาะการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ดังนั้น นักนิเทศศาสตร์ยุคดิจิตัลจะต้องสามารถทำได้หลายอย่างมีความรู้แบบครบวงจรปรับตัวให้เข้ากับเครื่องมือใหม่ๆและกฎหมายใหม่ๆสอดคล้องกับเทคโนโลยีในอนาคต วิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์หรือว่าโฆษณา ปรับเข้ากับความต้องการของสังคมโดยเฉพาะเทคโนโลยีสื่อขณะนี้ไปไกลมาก นักนิเทศศาสตร์จะใช้โฆษณาอย่างเดียวหรือแค่ประชาสัมพันธ์อย่างเดียวไม่ได้แล้วจะต้องคิดต่างแต่คิดสร้างสรรค์ใช้สื่อครบวงจรเราอาจจะมีสื่อหลักๆ เช่น การไดเร็คเซ็ลหรือแม้แต่อีเวนท์ มาร์เก็ตติ่งตลอดจนการขายทุกรูปแบบมารวมกันในปัจจุบันนักศึกษาที่เรียนในสาขาต่างๆทางด้านนิเทศศาสตร์ของมหาลัยทั่วประเทศต่างก็มี
จุดเด่นเป็นของตัวเองเพื่อผลิตนักนิเทศศาสตร์ที่มีคุณภาพออกไปสู่สังคมไม่ว่าจะเป็นสาขา การสื่อสารสื่อใหม่ การประชาสัมพันธ์ วารสารศาสตร์ ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ มัลติมีเดียและดิจิทัลอาร์ต สาขาวิชาภาพยนตร์ สาขาศิลปะการแสดง  สาขาวิชาการสื่อสารตรา สาขาวิชาการโฆษณา สาขาวิชาวารสารศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์  สาขาวิชาการสื่อสารมวลชน สาขาวิชานิเทศศาสตร์พัฒนาการ สาขาวิชาวาทวิทยา
ฯลฯ ซึ่งในแต่ละสาขาวิชาก็จะมีความถนัดความสามารถแตกต่างกันออกไป นักนิเทศศาสตร์เหล่านี้จะได้นำความรู้ความสามารถที่ตัวเองได้เรียนมาเพื่อเป็นสื่อกลางของสังคมไม่ว่าจะเป็น พื้นฐานของสังคม สื่อในการรายงานความเคลื่อนไหวของสังคมและควบคุมสังคม สื่อในการถ่ายทอดภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรม สื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสังคม ความบันเทิงต่างๆ แฟชั่น ฯลฯ ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ดีของสังคม นักนิเทศศาสตร์ในอนาคตจะต้องประสบกับสภาพการณ์ที่แตกต่างไปจากที่เราได้พบเห็นในปัจจุบันมากโดยเฉพาะก็คือการก้าวไปสู่ความเป็นสากลของประเทศ และการใช้ระบบไอทีในด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง ดังนั้นนักนิเทศศาสตร์จะต้องรีบเร่งปรับตัวเอง และต้องรีบปรับให้เร็วด้วย การปรับตัวเองนี้มีทั้งการรู้จักใช้ระบบไอทีอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการใช้อุปกรณ์ง่ายๆอย่างเช่น โทรศัพท์ โทรสาร ไปจนถึงเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้นยังจะต้องปรับปรุงและสร้างนิสัยตัวเองใหม่เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีที่สุด โลกในอนาคตเป็นโลกที่ประเทศไทยจะต้องประสบกับการแข่งขันอย่างรุนแรงจากประเทศต่างๆที่กำลังมีเศรษฐกิจเติบโตดีขึ้นทุกวัน นักนิเทศศาสตร์จะต้องเข้าใจความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง และจะต้องกล้าที่จะปรับตัวให้รับกับความเปลี่ยนแปลงด้วย นักนิเทศศาสตร์ก็คือ การเป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลง


วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บิดาแห่งการพิมพ์ "โยฮันส์ กูเตนเบิร์ก

                 ใน ปี ค.ศ. 1455 นายโยฮัน กูเตนเบิร์ก (Johann Gutenberg) ได้ประดิษฐ์ตัวพิมพ์โลหะผสมไ นายกูเตนเบิร์ กยังได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ หมึกพิมพ์ กระดาษที่ใช้พิมพ์ และกรรมวิธีในการพิมพ์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้รับการยกย่อง เป็น บิดาแห่งการพิมพ์”  การพิมพ์พื้นนูนที่เรียกเล็ตเตอร์เพรสส์ (Letter Press) นี้จึงเป็นที่นิยมกันมากขึ้น มีการตั้งโรงพิมพ์ขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ และเผยแพร่สู่ประเทศอเมริกา เนื่องจากการเรียงพิมพ์ด้วยมือต้องใช้แรงงานและใช้เวลามาก จึงมีการคิดค้นใช้เครื่องเรียงตัวอักษร (Linecast Typesetting) ซึ่งใช้ความร้อนหล่อตัวพิมพ์ จึงเรียก ตัวพิมพ์แบบร้อน” (Hot Type) ที่มีชื่อเสียง

   คือ เครื่องเรียงไลโนไทป์ (Linotype) ซึ่ง   จะทำการเรียงทีละบรรทัดนิยมใช้ในงานทำแม่พิมพ์หนังสือพิมพ์  และเครื่องเรียงโมโนไทป์ (Monotype) ซึ่งเป็นเครื่องที่เรียงออกมาเป็นตัวต่อกันเป็นบรรทัด นิยมใช้ในงานทำแม่พิมพ์หนังสือ ใน ค.ศ.1898 ได้มีการประดิษฐ์เครื่องเรียงพิมพ์ด้วยแสงขึ้น(Phototypesetting) ใช้สร้างตัวพิมพ์แบบ ตัวพิมพ์แบบเย็น” (Cold Type) นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแม่พิมพ์พื้นนูนแบบแผ่นด้วยการใช้วิธีฉายแสงโดยใช้ น้ำยาไวแสงฉาบลงบนแผ่นโลหะที่ใช้เป็นแม่พิมพ์ ทำให้การทำแม่พิมพ์สะดวกขึ้นเครื่อง จักรที่ใช้พิมพ์แบบพื้นนูนในยุคแรก ๆ อาศัยแรงงานในการทำงานเป็นหลัก เป็นเครื่องแบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ต่อมาได้มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ วิทยาการด้านการพิมพ์ได้แพร่หลายสู่ประเทศต่างๆอย่างรวดเร็ว ที่เมืองเวนิช(Venice) ประเทศอิตาลี อัลดุลมานูติอุส (Aldus Manutius) ช่างพิมพ์สามรถประดิษอักษรตัวเอน รวมถึงรูปแบบตัวอักษรที่เรียบง่ายเป็นจำนวนมาก

ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน
ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และการเมืองของยุโรปและของโลก  ช่วงที่ Gutenberg คิดค้นแท่นพิมพ์นั้นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเดียวกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) หรือบทบาทของ Martin Luther ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ ที่แปลคัมภีร์ไบเบิ้ลจากภาษาละตินเป็นภาษาเยอรมัน จากนั้นก็อาศัยวิวัฒนาการของการพิมพ์ที่ทำให้คัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับภาษาเยอรมันแพร่หลายไปทั่ว และเริ่มโน้มน้าวให้คริสตชนเริ่มมาสนใจกับสิ่งที่เขียนในพระคัมภีร์ แทนที่จะไปเชื่อในสิ่งที่บาทหลวง



วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียงความเรื่อง ชีวิตน้องใหม่


เรียงความเรื่อง ชีวิตน้องใหม่
    หลังจากจบโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาผมคิดที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาเพื่อตามทางอนาคตของผม ผมได้ดูหลายๆมหาลัยแต่ก็ไม่คิดที่จะไปไกลบ้านจึงเลือกมหาลัยราชภัฏเชียงราย รั้วเทาแสดแห่งนี้เพื่อเรียนในเอกนิเทศศาสตร์การสื่อสารสื่อใหม่ จากเด็กแม่สรวยคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในรั้วของมหาลัย
      ชีวิตของน้องใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว ต้องมาอยู่หอไกลจาก   บ้านต้องดูแลตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากนั้นก็ได้เวลารับน้องแล้วสินะเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อย สนุก ท้อ เจออะไรต่างๆ มากมายแต่เพราะมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจกันอยู่เสมอเราจึงผ่านมาด้วยกันได้ไม่ว่าจะเป็นการรับน้องของมอ ทำให้ผมได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายๆจังหวัด หลายเอกๆพวกเราสนุกมากๆในการเดินฐานต่างๆรอบมหาลัยมีกิจกรรมแต่ล่ะฐานให้เล่นมากมายจบจากรับน้องมอก็เป็นของเอกถือว่าเป็น 7 วัน
แห่งการเรียนรู้อะไรใหม่ๆเพื่อนใหม่ๆเราสู้มาด้วยกันไม่ว่ามันจะหนักจะเบาพอแรกๆทุกคนก็เริ่มที่จะไม่ชอบรุ่นพี่คิดในใจกันว่าทำไมรุ่นพี่ต้องทำแรงแบบนี้น้องปีหนึ่งไม่มีระเบียบพี่ปีสองก็โดนลงโทษทำให้รุ่นน้องไม่ไม่ชอบที่ทำแบบนี้แต่พอวันสุดท้ายของการรับน้อง น้องๆทุกคนรักพี่ๆ  เพื่อนๆ  มากๆ ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิมทุกคนรู้สึกว่าเวลาที่ผ่านมามีค่าแล้วมีอะไรใหม่ๆมากมายจนพูดออกมาไม่ได้รู้สึกขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนที่สอนอะไรต่างๆ พี่ระเบียบที่แสนจะเย็นใจใจร้ายว้ากได้ตลอดพอวันสุดท้ายมารู้สึกว่าพี่ๆต้องเก็บอากาศเป็นอย่างมากที่แท้พี่น่ารักมากๆรู้สึกรักแบบบอกไม่ถูกเลยแล้วยังได้เพื่อนใหม่ที่เรารักกันมากเราพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน พวกเรารักสามัคคีถึงแต่ล่ะคนจะมาต่างที่ต่างความคิดแต่เราก็เข้ากันได้เพราะกิจกรรมรับน้องผมภูมิใจมาก ที่ได้มาเรียนนิเทศศาสตร์ตั้งแต่วันนั้นมาผมบอกกับตัวเองว่าไม่ว่ากิจกรรมไหนๆก็จะช่วยอย่างเต็มที่นับจากวันนั้นพวกเรามีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอดนี้คงเป็นกิจกรรมรับน้องที่เอกอื่นๆไม่มีอย่างแน่นอนเป็นความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง
       การที่ผมได้ เลือกเรียนที่มหาลัยราชภัฏเชียงรายทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อนใหม่ๆถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนักแต่ก็ทำให้พวกเรารักกันเหมือนพวกเราอยู่ด้วยกันมานานแล้วรุ่นพี่ที่คิดว่าโหดที่จิงแล้วไม่ใช่เลยตัวตนที่แท้จริงน่ารักมากเอกที่ผมเรียนคือ นิเทศศาสตร์สื่อสารสื่อใหม่มีเพื่อนๆแต่ก็มีเพื่อนที่เราพร้อมจะผ่านไปด้วยกันอีกเอกก็คือ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์พวกเราคือเลือดนิเทศศาสตร์แล้วเราจะทำทุกอย่างเพื่อนิเทศศาสตร์